วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทความน่าอ่าน

เมื่อ 2 นกยักษ์สะบัดปีก บน Social Network
             ณ ตอนนี้ถ้าพูดถึงคำว่า “Social Media” หรือ “Social Network” คงจะมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร… Social Network หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ในทางการตลาดนั้น นับว่าเป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างใกล้ชิด และมีต้นทุนในการดำเนินการที่ต่ำมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันนี้ Social Network ถูกนำมาใช้ในเชิงการตลาดมากขึ้น กับหลายๆ ธุรกิจ


        สำหรับธุรกิจทางด้านสายการบิน ซึ่งเป็นธุรกิจทางด้านการขายบริการ (Service) ได้มีการนำช่องทางของ Social Media เข้ามาใช้เช่นกัน แต่จะเน้นมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละสายการบิน ซึ่งในประเทศไทยมีสายการบินหลักๆ ของไทยที่ให้บริการอยู่คือ การบินไทย, บางกอก แอร์เวย์, โอเรียลไทย, นกแอร์ และ ไทย แอร์เอเชีย หากจะแบ่งกลุ่มแยกให้ชัดเจน จะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ สายการบินพรีเมี่ยม (Premium Airlines) และสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Airlines)
แน่นอนว่าสายการบินทั้ง 2 กลุ่มนั้นมีรูปแบบของกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน กล่าวคือ สายการบินพรีเมี่ยมซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นลูกค้าของสายการบินพรีเมี่ยมมักจะเป็นลูกค้าประจำของสายการบินเหล่านี้อยู่แล้ว ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำนั้น จะใช้กลยุทธ์ของการกำหนดราคาให้ต่ำ โดยการลดต้นทุนต่างๆ ให้มากที่สุด จึงทำให้สามารถจูงใจให้ลูกค้าหน้าใหม่เข้ามาเลือกใช้บริการอยู่เสมอ… แต่กระนั้น โจทย์หลักของสายการบินต้นทุนต่ำคือ จะทำอย่างไรให้สามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าให้ได้ และสร้างความจงรักภักดีของลูกค้ากับสายการบิน (Brand Royalty) เพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดมาจากสายการบินคู่แข่ง (ทั้งที่เป็นสายการบินพรีเมี่ยม และสายการบินต้นทุนต่ำ) วิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมคือ CRM (Customer Relationship Management) หรือ การบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า แน่นอนว่าช่องทางหนึ่งที่เป็นทางเลือกของสายการบินในขณะนี้คือ.. “Social Network” นั่นเอง


      ในบทความนี้ จะหยิบยกสายการบินต้นทุนต่ำที่ขับเคี่ยวกันอยู่บน Social Media (Facebook และ Twitter) มาวิเคราะห์ให้คุณผู้อ่านได้อ่านกัน นั่นคือ สายการบินไทย แอร์เอเชีย (Thai Airasia) และสายการบิน นกแอร์ (Nok Air) และแม้ว่าทั้งสองสายการบินจะมีสีประจำสายการบินคือ สีแดง และ สีเหลือง ตามลำดับ แต่ก็มิได้เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใดนะค่ะ



         ทั้งสายการบินไทย แอร์เอเชีย และสายการบินนกแอร์ ล้วนแต่มีช่องทางในการติดต่อกับลูกค้า ทั้งทาง Facebook และ Twitter เรามาดูกันในฝั่งของสายการบินไทยแอร์ เอเชีย ก่อนนะค่ะ


                  สายการบินไทย แอร์เอเชีย มีทีมงานที่ดูแลทางด้าน Social Media โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนจะเน้นหนักไปทางกลุ่มลูกค้าทาง Facebook (AirAsiaThailand) มากกว่าทาง Twitter (@AirAsiaThailand) โดยดูจากการประชาสัมพันธ์หรือกิจกรรมต่างๆ สายการบินไทย แอร์เอเชียจะมุ่งไปจัดบน Facebook เสียเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่กิจกรรมบน Twitter จะเป็นเพียงการสร้างสีสรรค์เล็กๆ น้อยๆ
                    สำหรับตอนนี้ Facebook Page ของสายการบินไทย แอร์เอเชีย มี Fanpage ถึง 82,045 คนเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับเครือข่ายบน Facebook (ซึ่งเมื่อเทียบกับนกแอร์ ที่มี Fanpage เพียง 9,786 คนเท่านั้น) จึงไม่แปลกที่สายการบินไทย แอร์เอเชีย จะเน้นหนักทางด้านการตลาดบน Facebook มากกว่า Twitter ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ มีการเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบน Page มากมาย


                 ในส่วนของสายการบินนกแอร์ แม้ว่าจะมีช่องทางทั้ง Facebook และ Twitter (และมีทีมงานดูแล Social Media โดยเฉพาะเช่นกัน) แต่ก็ดูเหมือนว่า บน Facebook (nokairlines) นั้น นกแอร์ จะยังทำการเข้าถึงลูกค้า(แฟนๆ) ได้ไม่ดีเท่ากับบน Twitter (@NokAirlines) ซึ่งนกแอร์มี Follower ถึง 6,750 คน (ในขณะที่สายการบินไทย แอร์เอเชีย มี Follower เพียงแค่ 3,095 คนเท่านั้น) ดังนั้นนกแอร์จึงทำเน้นการทำตลาดบน Twitter มากกว่าบน Facebook ซึ่งจากการสังเกต พบว่า @NokAirlines มีความเป็นมิตร (Friendly) กับลูกค้า (สมมติว่าเป็น Followers) มาก จึงทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเป็นกันเองกับนกแอร์ ซึ่งนอกจากการสอบถามข้อมูล หรือ การแนะนำต่างๆ ที่มีให้กับนกแอร์แล้ว ลูกค้าเหล่านี้ยังพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องสัพเพเหระกับนกแอร์ด้วยเช่นกัน นับว่านกแอร์ ประสบความสำเร็จในการเข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เล่น Twitter แล้ว เมื่อจองตั๋วนกแอร์, เมื่อบินกับนกแอร์, กำลังจะขึ้นเครื่องของนกแอร์ หรือกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังจะทำกับนกแอร์ จะ “ทวีต” บอกเล่าให้ @NokAirlines ได้รับทราบ ซึ่งเค้าจะรู้สึกดีเมื่อข้อความของพวกเขาโดน “Re-Tweet” โดย @NokAirlines พร้อมกับข้อความขอบคุณ ซึ่งในส่วนนี้นกแอร์ ชนะขาดลอย

"จะเห็นได้ว่าทั้งสายการบิน ไทย แอร์เอเชีย และสายการบิน นกแอร์ ต่างปล่อยหมัด แลกกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยไทย แอร์เอเชีย ปล่อยหมัดซ้าย (Facebook) ใส่นกแอร์ ในขณะที่นกแอร์ก็ได้ปล่อยหมัดขวา (Twitter) ใส่ ไทย แอร์เอเชีย เช่นกัน"



                  แต่จุดเด่นของทั้ง 2 Low-Cost Airlines คือ CEO ของสายการบินนั้น มี Twitter โดยเฉพาะสายการบิน นกแอร์ ที่เน้นการใช้กลยุทธ์ CEO Branding เมื่อ คุณพาที สารสิน (@patee122) เข้ามาเป็นหัวหอกสำคัญในการนำนกแอร์ ต่อสู้ศึกบน Twitter จึงทำให้ ลูกค้าของนกแอร์ ยิ่งมีความรู้สึกใกล้ชิดและรักนกแอร์มากขึ้นไปอีก เพราะพวกเขาสามารถที่ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของนกแอร์ ไปสู่ CEO ของสายการบินได้โดยตรง ซึ่งทุกๆ ครั้งที่มีเรื่องราวต่างๆ (ทั้งด้านบวกและลบ) คุณพาที จะ Take Action ทันที ทำให้ลูกค้าอุ่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การขอบคุณ (เป็นการขอบคุณจากปากของ CEO ในนามของสายการบิน), การขอโทษ (เป็นการขอโทษจากปากของ CEO ในนามของสายการบิน) ยิ่งทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้ใจ และเชื่อใจสายการบินนกแอร์มากขึ้น เสมือนหนึ่งมี CEO อยู่กับพวกเขาตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งคุณพาที ได้มีบทบาทสำคัญในช่วงน้ำท่วมประเทศไทยในหลายๆ ภาค โดยที่คุณพาทีได้ให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ทางเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการบริจาค การลงพื้นที่ หรือแม้แต่การที่ให้เครื่องบินบรรทุกของบริจาคลงสู่พื้นที่ประสบภัยอย่างทันท่วงที ทำให้ภาพลักษณ์ของคุณพาที ดูดีมาก ส่งผลให้ สายการบินนกแอร์ มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นเช่นกัน หลายๆ คนที่ไม่เคยนั่งนกแอร์ ก็ตัดสินใจนั่งเป็นครั้งแรกเพราะซาบซึ้งในการช่วยเหลือของคุณพาที แต่คุณพาที บอกว่า “คุณจะนั่งอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนกแอร์ การช่วยเหลือในครั้งนี้ ผมทำในฐานะคนไทยคนหนึ่ง” สร้างความประทับใจให้ชาว Twitter เป็นอย่างมาก พวกเขามีความรู้สึกว่า CEO คนนี้ สามารถพึ่งพาและไว้ใจได้

          ในด้านของ CEO ของสายการบินไทย แอร์เอเชีย คุณทัศพล แบเลเว็ลด์ (@tassapon) แม้ว่าบทบาทบน Twitter จะยังไม่โดดเด่นมากนัก แต่คุณทัศพล ก็ได้เป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของสายการบินไทย แอร์เอเชีย สอบถามหรือแจ้งปัญหาเกี่ยวกับบริการได้โดยตรง ซึ่งคุณทัศพล จะเป็นผู้ตอบด้วยตัวเองเช่นกัน


สรุปการทำ Marketing บน Social Network ของสายการบินไทย แอร์เอเชีย และ นกแอร์ จะเห็นได้ว่าสายการบินนกแอร์นั้นจะเน้น Twitter ในขณะที่ไทยแอร์เอเชีย เน้นไปที่ Facebook แต่ในมุมมองของลูกค้าแล้วจะมองสายการบินนกแอร์เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ในขณะที่สายการบินไทย แอร์เอเชียจะถูกมองอย่างเป็นทางการมากกว่า ซึ่งแม้จำนวนสัดส่วนของแฟนๆ สายการบินทั้งใน Facebook และ Twitter ของทางสายการบินไทย แอร์เชีย จะมีมากกว่านกแอร์อยู่มากมายนัก แต่นกแอร์มีหัวหอกในการนำทีมที่ดีมาก นั่นคือคุณพาที CEO ของสายการบินฯ ทำให้ผลการตอบรับของลูกค้าใน Twitter นกแอร์ ชนะไทยแอร์เอเชียไปอย่างขาวสะอาด แต่ทว่าในพื้นที่ Facebook นั้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแฟนของสายการบินไทย แอร์เชีย ซะมากกว่า จึงทำให้การตลาดบนเครือข่ายสังคมออนไลน์นั้นถูกถ่วงดุลไว้ด้วยตัวของมันเอง ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่า ทั้งนกแอร์ และ ไทย แอร์เอเชีย จะมีกลยุทธ์อย่างไรในการขับเคี่ยวทำการตลาดบน Social Network ซึ่งคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกและน่าสนใจมากเลยทีเดียว





ขอขอบคุณข้อมูลจาก

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทความน่าอ่าน สายการบิน Low Cost ของไทย


ประสิทธิภาพการสื่อสารของ 3 สายการบินยักษ์ใหญ่

“การสื่อสารที่ดีจะต้องรวดเร็ว ถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลาและถูกช่องทาง จึงจะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสื่อสาร”

ในวันที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงภาคใต้ในอีกหลายๆ จังหวัด ปัญหาหนึ่งและเป็นปัญหาสำคัญคือ สนามบินนครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมจนต้องปิดให้บริการ และไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้เครื่องบินของทุกๆ สายการบินที่มีเส้นทางบินมาลงจอดยังสนามบินนครศรีธรรมราช ไม่สามารถทำการบินได้ตามตารางบินเดิมที่มีอยู่ ดังนั้นผลกระทบจึงตกอยู่ที่ผู้โดยสารนั่นเอง สืบเนื่องจากบรรดาสายการบินทั้งหลายที่เปิดเส้นทางบินมายังนครศรีธรรมราชนั้น ล้วนแต่เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Carriers) ทั้งสิ้น จึงทำให้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่จองตั๋วไว้แล้วเกิดความกังวลใจว่าสายการบินจะมีมาตรการออกมารองรับพวกเขาอย่างไร ?
ในบทความนี้ ดิฉันจะเปรียบเทียบถึงการสื่อสารฯ ของแต่ละสายการบินที่มีออกมาสู่ผู้โดยสาร และผลลัพธ์ที่ผู้โดยสารได้รับจากการสื่อสารของสายการบิน
หลังจากท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชถูกปิดลง สายการบินนกแอร์ เป็นสายการบินที่มีจำนวนเที่ยวบินมากที่สุด (4 เที่ยวบิน/วัน) ซึ่งคุณพาที สารสิน ได้เข้าประชุมเพื่ออกมาตรการในการช่วยเหลือเบื้องต้น และหยิบเอา Social Media ที่ได้ชื่อว่าทรงอานุภาพที่สุดในการสื่อสาร นั่นคือ “Twitter” ในการกระจายข่าวถึงนโยบาย/มาตรการ การรองรับของทางสายการบินให้กับผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ รวมถึงการสื่อสารผ่านทาง Facebook และ Website ของ นกแอร์ เองด้วย แต่การสื่อสาร หรือ Take Action ของคุณพาที สารสิน CEO. แห่งนกแอร์ ทำได้ด้วยความรวดเร็วจึงเป็นสายการบินแรกที่ออกมาตรการช่วยเหลือฯ ออกมา ในทางกลับกัน ผู้โดยสารบางส่วนเมื่อได้ทราบถึงมาตรการในการช่วยเหลือฯ แล้ว พยายามโทรเข้าไปสอบถามที่ Call Center ของนกแอร์ ปรากฏว่าพนักงาน Call Center ยังไม่ทราบเรื่องของมาตรการช่วยเหลือแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่าการสื่อสารในระดับนโยบายจากทางเบื้องบน ยังลงมาไม่ถึงนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามผู้โดยสารบางส่วนยังคงสามารถ ส่งข้อความไปสอบถามคุณพาที และทีมงานของนกแอร์ได้โดยตรงผ่านทางทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊คของนกแอร์ จึงทำให้ผู้โดยสารรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้โดนทอดทิ้งอยู่เพียงลำพัง สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารได้อย่างมากเลยทีเดียว (ตัวมาตรการที่ออกมานั้นก็ทำออกมาได้ดี ทำให้ผู้โดยสารพอใจอยู่แล้ว)
สายการบินถัดมาที่ทำการสื่อสารผ่านทางหน้าเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ค คือ สายการบิน โอเรียนไทย แม้จะมีเพียงเที่ยวบินเดียวต่อวัน แต่ก็ออกมาตรการการช่วยเหลือและสื่อสารให้กับผู้โดยสารได้ทราบหลังจากนกแอร์ได้ไม่นานนัก ก็ถือว่าเป็นการสื่อสารรวดเร็วพอประมาณ หากมองที่สื่อที่ทางสายการบินโอเรียนไทยเลือกใช้อันหนึ่งคือ เฟซบุ๊ค ลูกค้าที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามผ่านทางหน้าเฟซบุ๊คของสายทางการบินได้ทันทีเช่นกัน จึงอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารได้อย่างดี (ตัวมาตรการที่ออกมานั้นก็เป็นที่พอใจในระดับหนึ่งของผู้โดยสาร)
และสายการบินที่สื่อสารมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารออกมาเป็นลำดับท้ายสุดคือสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งมีเที่ยวบิน 2 เที่ยวบินต่อวัน โดยมาตรการช่วยเหลือนั้นออกมาหลังสายการบินนกแอร์หนึ่งวัน (24 ชั่วโมง) ซึ่งคุณทัศพล ได้ทวีตมาตรการช่วยเหลือฯ ผ่านทางทวิตเตอร์ และมีการกระจายข้อมูลสู่เฟซบุ๊คของสายการบินไทยแอร์เอเชีย แต่ไม่มีการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบินแต่อย่างใด แต่เมื่อสายการบินไทยแอร์เอเชียออกมาตรการช่วยเหลือออกมา Call Center ของไทยแอร์เอเชียก็รับทราบและพร้อมให้ข้อมูลกับผู้โดยสารเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามมาตรการการช่วยเหลือนั้นยังมีความคลุมเครืออยู่ และเมื่อทำการสอบถามไปทางสายการบินเองก็ได้รับคำตอบออกมาไม่ชัดเจน จึงทำให้ผู้โดยสารบางส่วนสับสนและขาดข้อมูลที่มากพอสำหรับการตัดสินใจวางแผนการเดินทาง
จากบทความข้างต้น สิ่งหนึ่งที่ทุกสายการบินเลือกเป็นช่องทางการสื่อสารคือ “Facebook” เพราะแทบจะเป็นการสื่อสารแบบ 2-ways & real-time และบางสายการบินก็ใช้การสื่อสารผ่านทาง “Twitter” ซึ่งทำให้สามารถกระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังต้องมีการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์และคอลเซ็นเตอร์โดยปริยายอยู่แล้วเพราะเป็นช่องทางทั่วไปที่ผู้โดยสารบางกลุ่มจะสามารถรับรู้ได้ 
      การสื่อสารที่ดีจะต้องรวดเร็ว ถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลาและถูกช่องทาง จึงจะทำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสื่อสาร ดังตัวอย่างที่หยิบยกมาเขียนไว้ในบทความค่ะ


บริการสัมภาระ ของสายการบิน Low Cost


Smart Savings! Pre-book online to save up to 50% on baggage and meals
     สายการบินแอร์ เอเชียต้องการให้เกิดความคุ้มค่าในทุกการเดินทาง จึงได้มีการปรับลดราคาสำหรับการสำรองน้ำหนักสัมภาระฝากโหลดและอุปกรณ์กีฬาลง เพื่อที่ลูกค้าจะได้ไม่ต้องกังวลกับน้ำหนักสัมภาระและช้อปปิ้งได้อย่างเต็มที่ในทุกครั้งที่เดินทาง ซึ่งสามารถสำรองน้ำหนักสัมภาระล่วงหน้าวันนี้ประหยัดทันที สูงสุด 48% 

นอกจากนี้ยังประหยัดได้มากขึ้นสำหรับการขนส่งอุปกรณ์กีฬา เพียงแค่สำรองน้ำหนักอุปกรณ์กีฬาในราคาเริ่มต้นเพียง 250 บาท พร้อมเลือกระดับน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ
     

ค่าธรรมเนียมเดิม (บาท)ค่าธรรมเนียมใหม่ (บาท)
สำรองล่วงหน้าภายในประเทศระหว่างประเทศภายในประเทศระหว่างประเทศ
15kg290370250320
20kg321450290350
25kg428525428525
30kg535630535630
35kg--750800
40kg--9701,000
เช็คอินผ่านเคาน์เตอร์ภายในประเทศระหว่างประเทศภายในประเทศระหว่างประเทศ
15kg515530490600
น้ำหนักส่วนเกิน (ต่อกิโลกรัม)350450350450
อุปกรณ์กีฬา
(สูงสุด 20 kg.)
--730790

* เป็นอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับแอร์เอเชีย (เที่ยวบิน FD, AK, QZ) เท่านั้น
* New fees are highlighted in red 
อัตราค่าธรรมเนียมใหม่แสดงเป็นสีแดง
อัตราค่าบริการเริ่มมีผลบังคับ ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

สัมภาระที่พกพาขึ้นเครื่องไม่ถูกคิดรวมอยู่ในน้ำหนักสัมภาระฝากโหลดซึ่ง ผู้โดยสารสามารถนำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 กก. ต่อท่าน




 


สัมภาระที่ต้องลงทะเบียน

          เมื่อลูกค้านำสัมภาระมาลงทะเบียนเพื่อยืนยันการเดินทาง สัมภาระนั้นจะอยู่ในความดูแลของบริษัทฯ และบริษัทฯ จะออกป้ายสัมภาระสำหรับสัมภาระแต่ละชิ้นที่ลงทะเบียนแล้วสัมภาระที่ต้องลงทะเบียนจะต้องมีชื่อของลูกค้า หรือหลักฐานแสดงตนอื่นๆติดไว้อย่างแน่นหนา สัมภาระที่ต้องลงทะเบียนจะถูกขนส่งไปพร้อมกับเที่ยวบินที่เดินทาง เว้นแต่ว่าบริษัทฯ ได้เลือกที่จะขนส่งสัมภาระไปพร้อมกับเที่ยวบินอื่นเพื่อความปลอดภัย ความมั่นคง หรือด้วยเหตุผลในการปฏิบัติงาน หากสัมภาระที่ต้องลงทะเบียนถูกขนส่งไปกับเที่ยวบินถัดไป นกแอร์จะจัดการให้สัมภาระดังกล่าวไปถึงยังสถานีปลายทางภายในเวลาที่เหมาะสม เว้นแต่กฎหมายที่ใช้บังคับจะกำหนดให้ท่านมาแสดงตนเพื่อขอรับสัมภาระต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร

การขนส่งสัมภาระโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

กระเป๋าเดินทางต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกินที่ระบุไว้ในเงื่อนไขและข้อจำกัดของบริษัท ซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่าย
ประเภทที่นั่งลูกค้าปกติ (กิโลกรัม)นกแฟนคลับ (กิโลกรัม)นกแฟนคลับพลัส (กิโลกรัม)
นกประหยัด152025
นกเปลี่ยนได้202530
นกพลัส303540

สัมภาระที่มีน้ำหนักเกิน

     ลูกค้าจะไม่มีสิทธินำสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินกว่าเกณฑ์ที่อนุญาต ให้ขนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากในดุลพินิจของบริษัทฯ ยินยอมให้มีการนำสัมภาระที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ที่อนุญาต ท่านจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการขนส่งสัมภาระที่ มีน้ำหนักเกินคิดเป็นกิโลกรัมละ 50 บาท

Nok Baggage

ไม่ว่าจะเดินทางไปท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ หรือทำงานลูกค้าจะหมดความกังวลกับการขนสัมภาระอันหนักอึ้งกับการเดินทางแบบเดิม ๆ ที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสำหรับน้ำหนักกระเป๋าที่เกินจากที่นกแอร์กำหนด* กิโลกรัมละ 50 บาท ณ จุดที่ทำการเช็คอิน วันนี้เพื่อความคุ้มค่า และสะดวกสบาย นกแอร์ให้คุณได้น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม 5 กิโลกรัมในราคาเพียง 100 บาท โดยสามารถซื้อ Nok Baggage พร้อมการจองตั๋วเครื่องบิน ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
• www.nokair.com
• www.nokfanclub.com
• Call center 1318
<><> <><> <><>
Nok Baggageลูกค้าปกติ (กิโลกรัม)นกแฟนคลับ (กิโลกรัม)นกแฟนคลับพลัส (กิโลกรัม)
นกประหยัด202530
นกเปลี่ยนได้253035
นกพลัส354045

ทรัพย์สินมีค่าและแตกหักง่าย
             ไม่สามารถลงทะเบียนทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสัมภาระที่ต้องลงทะเบียนได้ และต้องรับความเสี่ยงภัยอันอาจเกิดกับทรัพย์สินดังกล่าวเองหากส่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสัมภาระลงทะเบียน ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวรวมถึง เงิน อัญมณี หินมีค่า เครื่องเงิน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอกสารที่แลกเปลี่ยน เป็นเงินได้ หลักทรัพย์หรือของมีค่าอื่นๆ เอกสารทางธุรกิจหนังสือเดินทางและเอกสารแสดงตนอื่นๆ โฉนด ต้นฉบับ เอกสาร หรือสิ่งอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

กระเป๋าถือ

กระเป๋าถือติดตัวขึ้นเครื่อง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ต่อผู้โดยสาร 1คน
ขนาดกระเป๋าถือ: ไม่เกิน 7 กิโลกรัม
<><>
ขนาดความยาวความสูงความกว้าง
สำหรับเครื่องบินโดยสารทุกรุ่น56 ซม
(22 นิ้ว)
36 ซม
(14 นิ้ว)
23 ซม
(9 นิ้ว)


สัมภาระ

สิ่งที่ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ 
         เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย สัมภาระที่ทางสายการบินไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องหรือติดตัวไป มีดังนี้
-เข็มฉีดยา 
-วัตถุระเบิด 
-สารพิษต่างๆ 
-กระป๋องที่บรรจุแก๊สต่างๆ 
-สารไวไฟทั้งที่เป็นของเหลวและแก๊ส
-สารกัมมันตภาพรังสี สารเคมีที่ทำปฏิกิริยากับอากาศ--รุนแรง และสารชีวภาพอื่นๆ ที่มีออกซิเจนเจือปนสูง 
-สารหรือวัสดุที่กัดกร่อนรุนแรง เช่น ด่างหรือกรด 
-ไม้ขีดไฟ 
-ไฟแช็ค

นำของเหลวอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้โดย
           ของเหลว เจล และสเปรย์ทุกชนิด ต้องบรรจุในภาชนะที่มีขนาดบรรจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร หากภาชนะที่บรรจุมีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตร จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้ และภาชนะทั้งหมดต้องใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสขนาด 20x20 เซนติเมตร ซึ่งเปิด-ปิดผนึกได้ โดยทั้งหมดเมื่อใส่ถุงพลาสติกแล้ว ต้องมีปริมาณไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ส่วนของเหลวที่ได้รับการยกเว้น ได้แก่ นมและอาหารสำหรับทารกซึ่งต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงยาที่มีเอกสารกำกับชัดเจน

อนุญาตให้นำนำอาวุธปืนขึ้นเครื่องได้ ซึ่่ง
              สายการบินโอเรียนท์ ไทย อนุญาตให้ผู้โดยสารนำอาวุธปืนหรือวัตถุมีคมขึ้นเครื่องได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำติดตัวหรือใส่กระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง  ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่ต้องการนำอาวุธปืนหรือวัตถุมีคมขึ้นเครื่อง จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เช็คอินและให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้โดยสาร

การนำกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่อง
             ผู้โดยสารสามารถนำกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ใบ โดยนำติดตัวได้น้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กิโลกรัม และสามารถโหลดใต้ท้องเครื่องน้ำหนักรวมไม่เกิน 20 กิโลกรัม ถ้าเกินจะคิดค่าบริการเพิ่มเติม ที่อัตรากิโลกรัมละ 60 บาท

หากสัมภาระสูญหาย 
           เมื่อผู้โดยสารพบว่าสัมภาระสูญหาย กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ของสายการบินฯ ทันทีก่อนออกจากสนามบิน หากไม่สามารถติดตามสัมภาระได้ ทางสายการบินฯ จะชดใช้ค่าเสียหาย โดยคำนวณจากน้ำหนักสัมภาระในอัตรากิโลกรัมละ 100 บาท แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อกระเป๋า 1 ใบ  ทั้งนี้ สายการบินฯ ขอสงวนสิทธิ์ ไม่ชดใช้ค่าเสียหายในกรณีที่แจ้งสัมภาระสูญหายหลังออกจากสนามบินแล้ว

และสายการบินโอเรียนท์ไทยไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงใดๆ ขึ้นเครื่องได้







ขอขอบคุณข้อมูลจาก

เลือกที่นั่งถูกใจ กับสายการบิน Low Cost

เลือกที่นั่งถูกใจ

เลือกที่นั่งถูกใจ เพียงสำรองที่นั่งล่วงหน้าผ่านเมนู จัดการบุ๊คกิ้ง หรือโมบายเมื่อสำรองที่นั่งจนถึง 1 ชั่วโมง ก่อนเวลาออกเดินทาง
แจ้ง BIG Shot ID เมื่อเลือกที่นั่งพร้อมรับ 1 BIG Point สำหรับทุก 20 บาทที่ใช้จ่าย!
ร่วมเป็น BIG Shot here เพื่อแลกบัตรโดยสารฟรี


รับประกันเดินทางสะดวก พร้อมเลือกที่นั่งได้ถูกใจได้ 2 แบบ กับแอร์บัส A-320

Hot Seats

รับสิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อนใครพร้อมนั่งสบายตลอดการกับเดินทางกับพื้นที่วางขาที่กว้างกว่าในแถวที่ 1, 12 และ 14

Standard Seats

นั่งสบายไปกับที่นั่งเบาะหนัง 
โปรดทราบ: ที่นั่งแถวที่ 11,12, และ 31 ไม่สามารถปรับเอนได้ 


Hot SeatsStandard Seatsประตูทางออกทางออกฉุกเฉิน

รายละเอียดค่าบริการ เลือกที่นั่งถูกใจ สำหรับเที่ยวบิน FD, AK และ QZ 


ด้วยเหตุผลและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ผู้โดยสารที่นั่งบริเวณประตูทางออกฉุกเฉินจะต้องเป็นผู้โดยสารที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและมีอายุระหว่าง 16 - 64 ปีเท่านั้น 




ประเภทที่นั่ง





คุ้มค่ากว่ากับ 3 ตัวเลือกเพื่อความสะดวกสบาย กับ 3 ไลฟ์สไตล์ที่คุณเลือกได้
ประเภทที่นั่งนกประหยัดนกเปลี่ยนได้นกพลัส
เปลี่ยนเที่ยวบินyesyes without chargeyes without charge
เปลี่ยนวันเดินทางyesyes without chargeyes without charge
เปลี่ยนชื่อyes--
สัมภาระ15 กก.20 กก.30 กก.
ของว่างyesyesyes
เครื่องดื่ม--yes
หนังสือพิมพ์--yes
ที่นั่ง16.5"16.5"19"

นกประหยัด

อีกหนึ่งช่องทางสำหรับท่านที่ต้องการเดินทางในราคาแบบสุดคุ้มค่า

นกเปลี่ยนได้

รู้วันไป แต่ไม่แน่ใจวันกลับ ต้องเลื่อนการเดินทาง หรือวางแผนล่วงหน้าวันนี้ คุณเปลี่ยนเที่ยวบินได้ แบบไม่จำกัด ไม่มีค่าใช้จ่าย เลือกได้ตามใจคุณ

นกพลัส

นกแอร์มอบความสบายที่มากกว่า ด้วยราคาคุ้มค่าและการบริการประทับใจ

หมายเหตุ:
yes ผู้โดยสารจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลง รวมถึงค่าส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นจากราคาบัตรโดยสารเดิม และค่าบริการที่เกิดขึ้นจากการทำรายการ (รายละเอียดค่าธรรมเนียม)
yes without charge ไม่มีค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินในเส้นทางเดิมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งในช่วงเวลา 3 เดือนนับจากวันทำรายการครั้งแรก




Low Cost Thailand Domestic Airfares



 



 ตั๋วเครื่องบินแอร์ เอเชีย :  เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียที่นี่!
  ทุกเที่ยวบินขึ้นลง กรุงเทพฯ ใช้สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)

   แอร์เอเชีย ได้ยกเลิกค่าภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัย และค่าธรรมเนียม ทุกเส้นทาง
     ราคาทั้งหมด = [ราคาตั๋ว+ภาษีสนามบิน(100บาท)+
     ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%+ค่าบริการที่แอร์เอเชียคิดเมื่อจองผ่าน web (53.5บาท)] 

   แอร์เอเชีย เก็บค่านำกระเป๋าโหลดใต้เครื่องเริ่มต้น ใบละ 250 บาท/ใบ
     สำหรับกระเป๋าไม่เกินใบละ 15 กิโลกรัม


  



ตั๋วเครื่องบินนกแอร์ :  เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินนกแอร์ที่นี่!
  ทุกเที่ยวบินขึ้นลง กรุงเทพฯ ใช้สนามบินดอนเมือง (DMK)

   ค่าน้ำมัน,ประกันภัย และภาษี เป็น 
     
ราคาทั้งหมด = [ราคาตั๋ว+ภาษีสนามบิน(50-100บาท)+ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%] 








  

ตั๋วเครื่องบินโอเรียนท์ไทย(วัน-ทู-โก):
  ทุกเที่ยวบินขึ้นลง กรุงเทพฯ ใช้สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK)
  เช็คอินประตู 3 แถว D ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก สนามบินสุวรรณภูมิ

   เที่ยวบินตรง กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ / เชียงราย / หาดใหญ่ / ภูเก็ต 
   สายการบิน วัน-ทู-โก เปลี่ยนชื่อกลับเป็น สายการบิน โอเรียนท์ไทย
   ราคาปรับเป็นเที่ยวละ 1,860 บาท รวมทุกอย่างแล้ว